WCCA (World Congress of Computer for Agriculture) เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลประโยชน์ทางธุรกิจทำหน้าที่ในการเป็นเวทีกลางให้คนที่ทำงานในวิชาชีพด้าน ICT กับการเกษตรกับนักวิชาการเกษตรได้มาร่วมงานกันในการพัฒนา เครื่องมือ อุปกรณ์ โปรแกรม ที่สนับสนุนภาคเกษตรในด้านต่างๆ เช่น การบริหารจัดการการผลิต คุณภาพมาตรฐานสินค้า บรรจุภัณฑ์ การขนส่ง การเชื่อมต่อระหว่างสังคมผู้บริโภคกับผู้ผลิต และการจัดการการผลิตให้สอดคล้องกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นต้น WCCA มีมหาวิทยาลัยฟลอริด้า ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นแกนกลาง ประกอบด้วย federation 4 federations คือ AFITA (Asian Federation of Information for Agriculture) ประกอบด้วยประเทศสมาชิกในเอเซียและแปซิฟิค, EFITA ( European Federation of Information Technology for Agriculture) ประกอบด้วยประเทศสมาชิกในยุโรป, INFITA (International Network for Information Technology for Agriculture), และ PANFITA ( Pan-American Federation of Information for Agriculture) ประกอบด้วยประเทศสมาชิกในอเมริกาใต้ WCCA มีการประชุมทุกๆ 4 ปี
AFITA ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1998 ที่เมือง Wakayama ประเทศญี่ปุ่น มีกลุ่มเครือข่ายร่วมจัดตั้ง ประกอบด้วย
- Japanese Society of Agricultural Informatics.
- Korean Society for Agricultural Information.
- Chinese Society of Agricultural Information.
- Thai Agricultural Information Network.
- Indian Society of Agricultural Information Technology.
- Indonesian Society for Agricultural Information
AFITA มีการประชุมทุกๆ 2 ปี หมุนเวียนไปตามประเทศสมาชิก ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักที่เข้าร่วมจัดตั้งและนำประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกมาตั้งแต่แรก โดยเริ่มก่อตั้งกลุ่มความร่วมมือด้าน IT เพือการเกษตรขึ้นที่เรียกว่า AIN (Agriculture Information Network) เป็นการเริ่มแนวคิดและการพัฒนา IT เพื่อการเกษตรจนถึงปัจจุบัน ในปี 2004 ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพการจัดประชุม WCCA/AFITA 2004 ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งในครั้งนั้นสมเด็จพระเทพรัตนฯได้เสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดการประชุม
ในปี 2017 จะมีการประชุมรอบพิเศษ ณ สถาบัน IITB (Indian Institute of Technology Bombay, เมือง Mumbai ประเทศอินเดียและในปี 2018 จะมีการประชุมที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม และในปี 2020 ได้มีการเสนอให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุม
AFITA ให้ความสำคัญในเทคโนโลยี ICT เพื่อการเกษตรและเป็นเวทีแลกเปลี่ยนนักวิชาการด้านการเกษตรและ information technology ดังนี้
- ICT convergence in agricultural industry
- Modeling and simulation for agricultural production
- Decision support system
- ICT for water management
- Internet of Things for agriculture
- Precision agriculture and robotics
- IT for post-harvest and food marketing
- It convergence for livestock farm
- GIS/RS for agriculture and natural science
- Computer application and extension for farmers
- Big data analysis for agriculture
- Interdisciplinary agricultural information and communication technology
ประเทศไทยได้รับประโยชน์อะไรจาก AFITA
ด้วยภาคการเกษตรของประเทศกำลังเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงอันมีสาเหตุมาจาก
- อายุเฉลี่ยของเกษตรกรไทยที่มากขึ้น
- การขาดแคนแรงงานที่มีฝีมือในภาคเกษตร
- ต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น
- ลูกหลานเกษตรกรส่วนใหญ่ไม่ได้ประกอบอาชีพเกษตรต่อจากบิดามารดา
- การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่กระทบต่อการผลิตทางการเกษตร
- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เน้นเรื่องมาตรฐานและความปลอดภัยมากขึ้น
- การขาดแคลนทรัพยากรในการผลิต เช่น น้ำ ในบางพื้นที่
- ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
- การปรับเปลี่ยนการผลิตจากพืชที่มีมูลค่าต่ำเป็นพืชที่มีมูลค่าสูงขึ้น เช่น จากข้าว เป็น ไม้หรือ ไม้ผล
ปัจจัยเหล่านี้ผลักดันให้มีความจำเป็นต้องใช้ information technology เข้ามาช่วยปรับเปลี่ยนวิถีการผลิตทางการเกษตรใหม่ เพื่อใช้แรงงานน้อยลง ใช้ข้อมูลในการบริหารจัดการเพื่อบริหารต้นทุน โดยการจัดการการผลิตแบบแม่นยำมากขึ้น สิ่งที่ควรดำเนินการเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ ประกอบด้วย
- นโยบายด้าน IT เพื่อการเกษตรที่ชัดเจนในอันที่จะสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตทางการเกษตรที่ใช้ information technology เข้ามามีบทบาท
- การจัดตั้งกลุ่มความร่วมมือในการวิจัยพื้นฐานด้าน IT เพื่อการเกษตรที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม แบ่งภาระงานตามความสามารถเพื่อสนับสนุนนโยบายในข้อแรกไปสู่การปฏิบัติ
- สนับสนุนครงการ start-up เพื่อขยายผลการวิจัยสู่การใช้งานจริงในภาคเกษตร
- สนับสนุนให้มีองค์กรที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการด้าน IT กับการเกษตร สำหรับเกษตรกรรายย่อย หรือวิสาหกิจชุมชน ทำหน้าที่ให้บริการทั้ง Information services and Platform services (farm machinery)
ฐานความรู้และ cases study จาก AFITA จะช่วยให้ทราบแนวทางและการดำเนินการของประเทศอื่นในภูมิภาคและนำมาสู่การแลกเปลี่ยนแนวคิดและประสบการณ์ร่วมกัน ในอันที่จะทำให้การพัฒนา IT เพื่อการเกษตรของประเทศเป็นไปด้วยความรวดเร็วและทัดเทียมกับประเทศอื่น